Meso therapy คืออะไร

บางครั้งแม้ว่าเราจะพยายามลดน้ำหนักแทบตาย แต่ก็ไม่อาจลดไขมันบางส่วนได้นั้นเป็นเพราะ ปัญหาไขมันส่วนเกิน จัดว่าเป็นปัญหาที่พบได้ของคนที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งมาจากการสะสมของไขมัน ในจุดที่ไม่พึงประสงค์ เช่น แก้ม คาง ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง เอว สะโพก ทำให้สาวขาดความมั่นใจ ในการโชว์สรีระต่อหน้าคนอื่น

ทำให้การฉีดลดไขมันส่วนเกิน หรือที่ศัลยกรรมเรียกกันว่า Meso therapy เป็นวิธีการสลายไขมันและลดเซลลูไลต์ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ไม่ใช่การผ่าตัด แต่เป็นการฉีดสาร Phosphatidylcholine (สกัดจากถั่วเหลืองหรือไข่แดง) และวิตามินหลายชนิดเข้าไปยังบริเวณที่มีการสะสมของไขมัน ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยมาก สกัดจากธรรมชาติ และสลายออกจากร่างการได้ดี ทำให้เราหมดห่วงเรื่องของอาการแพ้

วิธีการ คือ แพทย์จะใช้เข็มฉีดยา ฉีดส่งยา ที่มีสรรพคุณสลายไขมันสะสมในชั้นไขมัน ส่งผลให้เกิดการขัดขวางการสะสมของไขมัน และกระตุ้นให้ไขมันสะสมถูกปล่อยออกมา เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ระบบต่อมน้ำเหลือง ทำให้เนื้อยื่อโดยรอบแข็งแรงขึ้น กระชับขึ้น ส่วนไขมันที่ถูกสารฉีดนั้นจะแตกตัวและสลาย ออกมาเป็นไขมันเหลว แล้วถูกขับออกทางปัสสาวะ และทางอุจจาระ

ตำแหน่งที่นิยมในการฉีดสลายไขมันด้วยวิธี Meso therapy ได้แก่ ไขมันบริเวณแก้มโดยจะฉีดควบคู่กับโบท็อกซ์หน้าเรียว, ไขมันส่วนเกินที่คาง (เหนี่ยง), ส่วนเกินที่ต้นแขน ต้นขา สะโพก พุง ลดไขมันหน้าท้อง ไขมันที่เต้านม (Gynecomastia) และไขมันที่น่อง

ข้อห้ามในการทำ Meso therapy

1. อายุน้อยกว่า 18 ปี

2. สตรีมีครรภ์ หรือภาวะให้นมบุตร

3. คนไข้โรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ

4. คนไข้ที่มีประวัติโรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง เช่น เส้นเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน

5. คนไข้ที่มีประวัติโรคหัวใจ และทำการรักษาด้วยยาหลายขนาน

6. คนไข้ที่มีโรคติดเชื้อ หรือ คนไข้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ข้อควรปฏิบัติหลังทำ Meso therapy

1. ควรดื่มน้ำวันละอย่างน้อย 2 ลิตร ไขมันสะสมที่โดนสลายจะถูกขับออกมาเป็นปัสสาวะเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เราต้องดื่มน้ำมาก เพื่อขับไขมันส่วนส่วนที่สลายออกไป

2. ช่วงที่เว้นการฉีดยาสลายไขมัน แนะนำให้ทำ RF (Radio Frequency) เพื่อรีดไขมันที่สลายออกได้เร็วขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อกระชับ ลดการหย่อนคล้อยหลังฉีด

3. ควรเลี่ยงการอบซาวน่า การนวด การดื่มแอลกอฮอล์หรือการทำทรีทเม้นท์ใดๆ หลังทำ Meso therapy เป็นเวลา 1 อาทิตย์

4. ควรเดินออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดินเร็ว โยคะ และเต้นแอโรบิค อย่างน้อยวันละ 30-45 นาที และทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อให้กล้ามเนื้อกระชับและรีดไขมันให้ออกจากร่างกายได้เร็วยิ่งขึ้น ช่วยให้ลดการสะสมของไขมันใหม่ด้วย

5. เปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร เพื่อควบคุมน้ำหน้า และป้องกันไม่ให้ไขมันส่วนเกินกลับมาสะสมได้อีก  เพราะถ้าเราไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และควบคุมน้ำหนัก การฉีดสลายไขมันก็ไม่ได้ช่วยให้สลายไขมันได้ดีเท่าที่ควร

ท้ายสุดนี้ เรามีคลินิกที่ขึ้นชื่อเรื่องการสลายไขมันมาฝาก ไปอ่านต่อได้ที่นี้  7 สถานความงามดูดไขมัน ใครอยากผอมต้องรู้จัก